เช็กเลย คนไทยที่ฉีดแอสตราเซเนกาไปแล้ว

ยังคงเป็นอีกข่าวที่ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนจำนวนมากเมื่อไม่ปรากฏชื่อทั้งในฐานะวั ค ซี นที่ผ่านการรับรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้วหรือแม้แต่สถานะวั ค ซี นที่อยู่ในกระบวนการยื่นขอการรับรอง

ในเอกสารสถานะวั คซี นcv-19 ที่อยู่ภายใต้กระบวนการพิจารณาให้ใช้เป็นวั ค ซี นฉุกเฉิน (Emergency Use Listing: EUL) ฉบับวันที่ 15 ก.ค.2564 ขององค์การอนามัยโลก (World Helth Organization: WHO) นั้น ไม่ปรากฏชื่อวั ค ซี น แอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ของประเทศไทย ทั้งในฐานะวั ค ซี นที่ผ่านการรับรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้วหรือแม้แต่สถานะวั ค ซี นที่อยู่ในกระบวนการยื่นขอการรับรอง

ทั้งนี้ กลับพบว่านอกจากวั ค ซี นแอสตร้าเซนเนก้าภายใต้องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency: EMA) ที่ผ่านกับรับรองวั คซีนฉุ กเฉินจากองค์การอนามัยโลกแล้ว ยังมีวั ค ซี นแอสตร้าเซนเนก้าทั้งจากเกาหลีใต้ผ่านตัวแทนอย่างกระทรวงความปลอดภัยทางอาหารและย า (Ministry of Food and Drug Safety: MFDS), วั ค ซี นแอสต้ราเซนเนก้าจากญี่ปุ่นผ่านตัวแทนอย่างกระทรวงสุขภาพ แรงงาน

และสวัสดิภาพ (Ministry of Health, Labour and Welfare: MHLW) พร้อมด้วยสำนักงานอุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ (Pharmaceuticals and Medical Devices Agency: PMDA) และวัคซี นแอสตร้าเซนเนก้าจากออสเตรเลีย ผ่านหน่วยบริการสินค้ารักษาโ ร ค (Therapeutic Goods Administration: TGA)ที่ผ่านการรับรองเช่นเดียวกัน

หากลงไปดูในรายละเอียดเพิ่มเติมจะพบว่า วั ค ซี นแอสตร้าเซนเนก้า จากฝั่ง EMA นั้น ได้รับการประเมินข้อมูลโดยรวมเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ 16 เม.ย.2564 แต่ยังเหลือการพิจารณาข้อมูลจากสถานที่ฉี ด วั ค ซี นอื่นยื่นเข้ามาเพิ่มเติม ดังนั้นสถานะการประเมินจึงยังไม่เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์

ในทางกลับกัน วั คซีนแอสตร้าเซนเนก้า จากทั้งเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ได้รับสถานะการประเมินเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้วทั้งหมด เกาหลีใต้ได้รับการประเมินตั้งแต่ 15 ก.พ.2564 ขณะที่ญี่ปุ่นและออสเตรเลียได้รับการประเมินพร้อมกันเมื่อ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา

ในเอกสารระบุว่า ‘สถานะของการประเมิน’ ประกอบไปด้วย 1.อยู่ภายใต้กระบวนการคัดกรอง 2.อยู่ภายใต้กระบวนการประเมิน

3.อยู่ระหว่างการรอผลตอบรับจากผู้ยื่นประเมิน 4.ผลตัดสินเกี่ยวกับประโยชน์-โทษ และ 5.การตัดสินใจขั้นสุดท้าย

ต้องทำความเข้าใจว่าการมีชื่อขึ้นเป็นวั ค ซี นฉุกเฉินของ WHO นั้น ไม่ได้สะท้อนว่าเป็นวั ค ซี นที่ดีกว่าวั ค ซี นอื่นๆ ที่ไม่มีชื่อ เนื่องจากกระบวนการได้มาซึ่งการรับรองนั้นต้องผ่านการยื่นความประสงค์จากฝั่งผู้ผลิต ไม่ใช่อยู่ในมิติที่ WHO มีสถานภาพเป็น “ผู้ควบคุมคุณภาพวั ค ซี นสากล”

WHO อธิบายว่า การจัดทำรายชื่อวั ค ซี นที่ขึ้นทะเบียนวั ค ซี นฉุกเฉินนั้นมีไว้เพื่อประเมินความเสี่ยงของวั ค ซี นผ่านข้อมูลคุณภาพวั ค ซี น ความปลอดภัย ไปจนถึงผลข้างเคียงต่างๆ เพื่อให้องค์กรและประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ (United Nations: UN) สามารถประเมินความสถานการณ์การแก้ปัญหาโรคระบาดผ่านวั ค ซี นที่มีประสิทธิภาพได้

“กระบวนการนี้เป็นกุญแจสำคัญสำหรับบริษัทที่อยากจะยื่นเรื่องให้สินค้าของพวกเขาถูกใช้ในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข” WHO

ในจดหมายเปิดผนึกจาก เจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ลงวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า จนถึงขณะนี้ แอสตร้าเซนเนก้าได้ส่งมอบวั คซีนให้กับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว 9 ล้านโดส และมีกำหนดส่งมอบอีก 2.3 ล้านโดสในสัปดาห์หน้า รวมเป็นยอดส่งมอบ 11.3 ล้านโดส ณ สิ้นเดือนก.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากแผนการจัดหาวั ค ซี นจำนวน 61 ล้านโดสให้กับประเทศไทย”

หมายเหตุ: รายชื่อสถานะวั ค ซี นcv-19 ที่อยู่ภายใต้กระบวนการพิจารณาให้ใช้เป็นวั ค ซี นฉุกเฉิน (Emergency Use Listing: EUL)