เตรียมเคาะด่วน 10 จังหวัด ลุ้น ครม.จ่ายเงินเยียวยาเพิ่ม
สำหรับในสถานการณ์รอบที่ 4 นี้ บอกได้เลยว่าหนักจริงอะไรจริง เรืียกได้ว่าทำเอาหลายคนต่างได้รับปัญหาด้าน ค่าใช้จา่ายกันอย่างไม่มายไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนตัวหรือครอบครัว ต่างได้วับผลกประทบกันหมด
ซึ่งในส่วนของบางธุรกิจบางบริษัทบางกิจการถึงขนาดปิดตัวลงหรือิหยุดชั่วคราว รวมไปถะึงห้างสรรพสินค้า แต่ตรงนี้ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอขอให้เรวร่วมือกันไปในทางเดียวกัน ย าฟาวิพิราเวียร์ ได้สำเร็จ ยังไงเพื่อประคับประครอง อะไรหฟลายๆอย่าง ทางรััฐบาลได้ออกมาตรการหลายอแย่าเพื่อช่วยเหลือประชาชน
คำสั่งการล็อคดาวน์พื้นที่ ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด เริ่มมีผลวันที่ 12 ก.ค.2564 ซึ่งทำให้มีการห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 21.00-04.00 น. ในกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลาและสงขลา อย่างน้อย 14 วัน
โดยล่าสุด การยกระดับควบคุมการ ร ะ บ า ด ดังกล่าวนำมาสู่การกำหนดมาตรการเงินเยียวย าผู้ได้รับผลกระทบทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ โดยวันที่ 12 ก.ค.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้เรีย กประชุมทีมเศรษฐกิจรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทร วงแรงงาน เพื่อเตรียมมาตรการเส นอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณ าวันที่ 13 ก.ค.2564
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มาตรการในการช่วยเหลือทั้งหมดจะเข้าสู่การประชุมของ ครม.และจะมีการแถลงข่าวให้ประชาชนทราบภายหลังการประชุม ครม.
แหล่งข่าวข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า มาตรการที่จะเสนอให้กับ ครม.พิจารณาเป็นลักษณะเดียวกับมาตรการที่ ครม.มีการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์ โ ค วิ ด -19 (ศบค.) ฉบับที่ 25 ได้แก่ กลุ่มธุรกิจและแรงงานก่อสร้าง ร้านอาหารและศิลปะ บันเทิง สันทนาการ
ในขณะที่การประกาศล็อกดาวน์ครั้งนี้สั่งให้ปิดกิจการเพิ่ม ได้แก่ สถานเสริมความงาม ร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปา ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการและแรงงานในธุรกิจดังกล่าวได้รับการจ่ายเงินเยียวยาในลักษณะเดียวกับ
โดยได้มีการนำแนวทางดังกล่าวมาใช้พิจารณากำหนดการเยียวย าในครั้งนี้ ซึ่งแบ่งเป็นแรงงานในระบบประกั นสังคม กลุ่มลูกจ้างจะได้รับเงิน 50% ของค่าแรง แต่ไม่เกิน 7,500 บาท แรงงานสัญชา ติไทยได้รับเงินพิเศษอีก 2,000 บาทต่อร าย ส่วนกลุ่มนายจ้างหรือผู้ประกอบการได้รับเงินช่วยเหลื อ 3,000 บาทต่อราย แต่ไม่เกิน 200 คน
ส่วนกิจการที่อยู่นอกระ บบประกันสั งคมก็จะได้รับความช่วยเห ลือโดยต้องยื่นลงทะเบียนกับระบบประกันสังคมภายใน 1 เดือน โดยลูกจ้างสัญชาติไทยได้รับเงินเยียวยาคนละ 2,000 บาท และนายจ้างได้รับความช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย แต่ไม่เกิน 200 คนเช่นกันโดยมาตรการนี้เป็นการจูงใจให้แรงงานเข้าสู่ระบบ
อย่างไรก็ตามในส่วนของระบบลงทะเบียนที่เดิมเคยให้มีก ารใช้งานการลงทะเบียนผ่านระบบแอพพลิ เคชั่นเป๋าตังค์จะมีการปรับปรุงให้ลงทะเบี ยนในช่องทางอื่นแทนเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บข้อมูลและอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ ซึ่ง สศช.จะมีการร ายงาน ครม.ในการประชุมครั้งนี้ด้วย